Saturday, September 03, 2005

สัปดาห์แรกของการเรียน

หายไปนาน มีอะไรอยากเขียนเยอะเหมือนกัน
อย่างแรกก็คือสอบไฟนั่ลเสร็จแล้ว เกรดก็ออกมาธรรมดาไม่ดีมาก แต่สิ่งที่คิดได้ก็คือระบบเกรดที่นี่ ออกแบบมาภายใต้ปรัชญาของมหาวิทยาลัยจริงๆ คือทางบัณฑิตวิทยาลัยไม่อยากให้นักเรียนแข่งขันกันมากจนเกินไป ไม่อยากให้นักเรียนบัณฑิตวิทยาลัยเครียดเรื่องในห้องมากเกินควร ก็เลยออกแบบระบบการคิดเกรดมาเป็น H P L F แทนที่ A B C D F และอยากให้นักศึกษาเน้นการทำงานร่วมกัน และเรียนรู้เรื่องนอกห้องเรียน รวมถึงเทคนิกกรทำวิจัยให้มากๆ และที่สำคัญก็คือ อยากให้นักศึกษาเน้นการสอบ compre มากกว่าเน้นทำเกรดให้ห้องเรียน เรื่องนี้ผมไม่ได้คิดเองนะครับ แต่เรียนมาทุกคลาส อาจารย์ทุกคนพูดเรื่องนี้ก่อนอื่นเลย ผมก็เลยเริ่มมีความเห็นคล้อยตามระบบนี้มากขึ้นทุกที แต่ผมก็ยังคิดว่าระบบนี้มีข้อเสียอยู่เหมือนกันที่ว่า แทนที่เด็กจะตั้งใจเรียน กลังว่าจะไม่ตั้งใจเรียน เพราะคิดว่ายังไงก็ได้ P อยู่แล้ว ก็จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ แต่สุดท้าย คนที่คิดแบบนี้ก็ไม่รอด compre อยู่ดี
ที่จริงแล้วระบบนี้ก็มีดีอยุ่อย่างหนึ่ง คือนักศึกษาสามารถลงวิชาได้มากและกว้าง โดยไม่ต้องกังวลกับเกรดมากนัก ว่าเกรดจะแย่ ขอให้ได้ P ก็พอแล้ว ซึ่งผมชอบตรงจุดนี้ ถึงตรงนี้ยังคิดอย่างไปเทกคอร์สภาษาจีนเล่นเลย แต่น่าเสียดายที่เต็มไปแล้ว

ฝากถึงผู้อ่านหลายๆคนที่เคยอ่านหนังสือ Macroeconomics Theory and Policy ของ Froyen ซึ่งถือเป็นหนังสือแบบเรียนเศรษฐศาสตร์มหภาคยอดนิยมของเมืองไทย ว่าผมได้เรียนกับเขาแล้ว เป็นอย่างไรนะเหรอครับ ขอบอกว่าตรงข้ามกับที่คิดมาก คือ แกจะเสียงนุ่ม พูดค่อยๆ ไม่มีน้ำหนัก ชวนให้นอนฝันกลางวันเป็นอย่างยิ่ง

เปิดเทอมแล้ว เมือง chapel hill ที่ช่วงปิดเทอมเงียบมาก ตอนนี้กลับมีชีวิตชีวาแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เนื่องจากน้องๆนักศึกษาปริญญาตรีที่กลับเข้ามาเรียน รวมทั้งนักศึกษาหน้าใหม่ก็ back to school กัน ทำให้เมืองมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ทำไปทำมาตอนช่วงเปลี่ยนคาบนี้ ดูเหมือนว่าคนจะเดินยั้วเยี้ยมากกว่าที่ธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ซะอีก

แต่ที่น่าสังเกตก็คือมหาวิทยาลัยนี้มีนักเรียนผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นจึงได้ยินเสียงบ่นจากนักศึกษาสาวบ่อยๆว่า หาหนุ่มที่ถูกใจไม่ค่อยได้ (เขาไม่ได้บ่นให้ผมฟังหรอกนะครับ) ในขณะเดียวกัน หนุ่มๆที่นี่ก็พูดกันว่าหาสาวๆออกเดทได้ง่าย (อันนี้ผมไม่ได้พูดนะ) อันนี้ไม่รู้จะเป็นปัจจัยหนึ่งหรือเปล่าที่นักศึกษาหญิงที่นี่ แต่งตัวค่อนข้างจะวอกๆแวมๆมาก และเขาจะรักษารูปร่างมาก เพราะหนุ่มที่มหาวิทยาลัยนี้ส่วนใหญ่จะรูปร่างดี เพราะที่นี้เป็นมหาวิทยาลัยกีฬา นักศึกษาเล่นกีฬากันมาก เพราะฉะนั้นเปิดเทอมมานี่ มหาวิทยาลัยจึงมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
ช่วงนี้มีข่าวที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือทางรัฐนอร์ท คาโรไลน่า จะลดงบประมาณที่จัดสรรให้กับทาง unc ลง 6.3 ล้านเหรียญ ก็เลยมีการพูดกันว่าถ้าเป็นแบบนี้ก็เป็นการยากที่ทางมาหวิทยาลัยจะสามารถรักษาอันดับของตัวเองไว้ได้ ณ ตอนนี้ unc ถูกจัดอยู่ในอันดับ 5 ของมหาวิทยาลัยของรัฐ(ปริญญาตรีนะ ไม่รู่วาทาง graduate study จะเป็นยังไง) โดยมี UC Berkeley รั้งอันดับหนึ่ง U Virginia อันดับสอง U Michigan Ann Arbor และUCLA รั้งอันดับสามร่วม และถ้าเทียบกับมหาวิทยาลัยเอกชนด้วยแล้ย UNC อยู่อันดับ 27 ร่วมกับ Tufts และ Wake Forest U. โดย UC Berkeley ได้อันดับ 20 โดยปัจจัยที่การวัดนั้นมี class size, faculty compensation และ student faculty ratio รวมอยู่ด้วย ซึ่งผมคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่มหาวิทยาลัยพยายามรักษาเอาไว้ เช่น ที่UNC 54% ของคลาสทั้งหมด มีนักเรียนน้อยกว่า 20 คน เป็นที่สองรองจาก UC Berkeley เท่านั้นที่มี 58% แต่สิ่งเหล่านี้ต้องใช้ "เงิน"เป็นสิ่งรักษา เพราะฉะนั้นการตัดงบประมาณครั้งนี้จะส่งผลอะไรกันบ้าง ผมว่าน่าสนใจนะครับ แต่ขอบอกก่อนว่าการจัดอันดับต้องดูอย่างมีวิจารณญาณนะครับ

5 Comments:

At 10:14 AM, Anonymous Anonymous said...

ฟังข้อดี-ข้อเสียที่นายเปรียบเทียบ เราเห็นด้วยนะ ส่วนตัวเราชอบระบบคิดเกรดของ UNC ที่เน้นการทำงานร่วมกันและเรียนรู้นอกตำรามากกว่า แม้มันจะดูสบายๆ และไม่สามารถวัดผลความเป็นเลิศทางวิชาการ แบ่งแยกระดับความเก่งกาจอย่าง A B C D F ได้อย่างชัดเจน แต่มองในด้านการผลิดไอเดียหรือวิธีคิดใหม่ๆ เราว่ามันโดดเด่นกว่า และมีประโยชน์อย่างมหาศาลต่อตัวเราเอง

ระบบแบบนี้มันเปิดโอกาสให้เราใส่มุมมอง วิธีคิด และทัศนคติส่วนตัวเข้าไปจับองค์ความรู้ที่เราเรียนมากขึ้น ยิ่งถ้านักศึกษาในคลาสนายมีความหลากหลายทางสังคมและวัฒนธรรม แล้วได้เข้ามาทำงานร่วมกัน มันสนุกเลยเราว่า เพราะมันมีวิธีคิดที่แตกต่างกัน แล้วได้มาแชร์แบ่งปันกัน

พอไม่มีเกรด A B C D F ความกดดันที่จะนำเสนอแนวความคิดใหม่ๆ ที่แตกต่างจากเดิม มันก็ลดลง กล้าคิดให้มากและต่างขึ้นกว่าเดิม

เราว่าระบบการศึกษาส่วนใหญ่ตีกรอบความคิดเรา โดยที่บางทีเราก็ไม่รู้ตัว อย่าง textbook เราว่าใครที่มีพื้นฐานความรู้อยู่บ้าง มีปัญญาหาซื้อได้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะได้มาซึ่งความรู้จากหนังสือเล่มนั้น อย่างพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ พวกเราบางคนเข้าเรียนน้อย แค่อ่านจาก text จาก lecture notes ก็ยังทำคะแนนได้ดี (นายคงพอรู้ว่ามีใครบ้าง)

ยังไง ประเด็นมันอยู่ที่ระบบการศึกษาส่วนมากเป็นเหมือนโรงงานปั๊มเด็กออกมาให้คิดเหมือนกันอยู่ดี UNC คงจะเน้น Innovation มากกว่า Education นะเราว่า แล้วเราชอบตรงจุดนี้:)

ส่วนนาย Froyen เนี่ย อ่านสไตล์การสอนของเค้าจากนาย น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น Frozen แช่แข็งให้เด็กหลับไหล 555...เออ แล้วตัวจริงแก่มากยัง?

ประชากรสาวเยอะ แถมบริหารเสน่ห์ซะขนาดนั้น อย่าหวั่นไหวนะเพื่อน ;P

 
At 11:10 AM, Blogger Steelers(钢人) said...

เห็นด้วยนะ Frozen ตรงมาก ตัวจริงก็แก่เหมือนกันนะ

 
At 9:06 PM, Blogger joinsungz said...

ราคานำมันเบนซิน 95 วันนี้ จะลิตรละ 28 บาทแล้ว
Frozen ช่วยหน่อย
ราคาค่าไฟก็จะปรับ
ขนส่งก็จะปรับ
ดอกเบี้ยนโยบายปรับ
R/P 14-day "Rise was double what many expected. The Monetary Policy Committee (MPC) yesterday raised interest rates by a larger-than-expected 50 basis points, to 3.25 per cent, in a move that surprised the market and should lead to an increase in benchmark deposit and lending rates."
(The Nation,sept 8,2005)

เงืนเฟ็อเดิอนนี้ อยู่ประมาณ 5.2%

ที่นู่นเป็นไงบ้าง

 
At 9:58 PM, Blogger Steelers(钢人) said...

ฟังดูแย่มากเลยนะ สถานการณ์ที่เมืองไทย ที่นี่ก็อยู่สบายๆ แต่เรียนไม่สบายนะ ที่ Frozen สอนเนี่ยยังเป็นของปริญญาตรีอยู่เลย ก็ไม่ค่อยยากเท่าไหร่

 
At 11:51 PM, Blogger Steelers(钢人) said...

ขอบคุณครับพี่มินท์

 

Post a Comment

<< Home