Saturday, August 06, 2005

จดหมายฉบับแรกจาก Chapel Hill

ในที่สุดการเดินทางอันยาวนานจากกรุงเทพโดยสายการบินไทยเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯมาถึงนิวยอร์คและต่อ US Airways มาถึงเมือง Charlotte มาเจอคุณป้าผม และสุดท้ายเราก็ขับรถเกือบ 3 ชม.ขนของพะรุงพะรังมายังเมืองเงียบสงบแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า Chapel Hill ก็สิ้นสุดลง

แวบแรกที่เมือง Chapel Hill นั้นผมรู้สึกว่าเมืองนี้เป็นเมืองเงียบสงบโดยแท้ สองข้างทางที่ผมขับรถผ่านมานั้นมีแค่หมู่บ้านจัดสรรหรืออพาร์ทเมนต์ที่ปลูกอยู่กันห่างๆ

ไฮไลต์ของเมืองChapel Hill นั้นจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากมหาวิทยาลัย North Carolina at Chapel Hill ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแห่งรัฐของสหรัฐอเมริกาแห่งเดียวที่ประศาสน์ปริญญาในช่วงเวลาศตวรรษที่ 18 เพราะเป็นมหาวิทยาลัยรัฐแห่งแรกที่ถูกก่อตั้งขึ้น คือเมื่อปี 1789

นอกจากนี้มหาวิทยาลัยนี้ยังมีชื่อเสียงในด้านความสวยงามของตัวมหาวิทยาลัย โดยถูกเลือกจาก American Society of Landscape Architects ให้เป็น the most beautifully landscaped spots ของประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 1999 แต่ผมดวงไม่ดีเพราะว่าช่วงที่ผมมาถึงที่นี่เป็นช่วงที่กำลังมีการซ่อมแซมปรับปรุงอาคารหลายอาคารทำให้ทัศนียภาพไม่สู้จะดีนัก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังซ่อมเสร็จแล้วจะสวยเหมือนกับเสียงลือเสียงเล่าอ้างหรือเปล่า

ไม่ใช่แค่ความสวยงามอย่างเดียว แต่ UNC ก็ยังมีชื่อเสียงทางด้านวิชาการด้วย ถึงแม้จะไม่สามารถสู้มหาวิทยาลัยเอกชนยักษ์ใหญ่หลายแห่งในสหรัฐอเมริกาได้ (#29 best national university)ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเพราะมหาวิทยาลัยของรัฐในสหรัฐอเมริกานั้นยากที่จะสู้มหาวิทยาลัยเอกชนได้ ซึ่งตรงกันข้ามกับเมืองไทยพอสมควร แต่ UNC ก็ถูกจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่ดีที่สุดอันดับ 5 ของสหรัฐอเมริกา รองจาก UC Berkeley, U of Michigan-Ann Arbor, U of Virginia, และ UCLA อยู่เหนือมหาวิทยาลัยของรัฐหลายๆแห่งเช่น U Wisconsin-Madison, UCSD, UIUC, UT-Austin, UW, U 0f Maryland- College Park, และ U of Minnesota-Twin Cities และถึงแม้ว่าการจัดอันดับเหล่านี้จะเชื่อถือได้หรือไม่ แต่ผมก็ขอเชื่อไปซักพักก่อนก็แล้วกันครับ และนอกจากนี้ในความเห็นของผม คณะที่ทำชื่อเสียงให้ UNC มากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นคณะทางสาธารณสุขศาสตร์และ Kenan-Flagler Business School

หลังจากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้ซักพัก ผมก็สังเกตเห็นได้ว่าผู้คนและนักศึกษาที่นี่เห่อมหาวิทยาลัยนี้มากๆ ผมมองไปทางไหนก็เห็นแต่คนใส่เสื้อสีฟ้าซึ่งเป็นสีประจำมหาวิทยาลัย และยิ่งทีมบาสเก็ตบอล UNC Tar Heels ชนะเลิศบาสเก็ตบอลระดับมหาวิทยาลัยของสหรัฐอเมริกา ก็ยิ่งทำให้กระแสบ้าเห่อนี้แรงยิ่งขึ้นไปอีก และพลอยทำให้ผมเห่อไปกับเขาด้วยเหมือนกัน

สิ่งที่ผมประทับใจมากอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ก็คือผู้คนที่นี้ nice มากๆ (ขอโทษที่ใช้ภาษาอังกฤษแต่ผมไม่รู้จะใช้คำไทยคำไหนมาอธิบายคำว่า niceได้ เพราะความหมายมันค่อนข้างกว้าง) สาเหตุก็คงจะเป็นเพราะว่าเมืองนี้เป็นเมืองเงียบสงบ สวยงาม ปลอดภัย และเป็นเมืองการศึกษา ซึ่งนอกจากสามารถดึงดูดนักเรียนนักศึกษาจากทั่วโลกมาเรียน ยังสามารถดึงดูดคนเกษียณอายุใช้มาใช้ชีวิตหลังเกษียณที่เมืองนี้ได้มาก ทำให้เมืองนี้ปราศจากการแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรง และผู้สูงอายุเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็จะเข้าร่วมกิจกรรมและสัมมนาต่างๆกับทางมหาวิทยาลัยซึ่งสามารถทำประโยชน์ให้กับมหาวิทยาลัยได้มากทั้งทางวิชาการและการสันทนาการ และเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับชุมชนอีกด้วย

นอกจากนี้ พื้นที่ระหว่าง UNC Duke และ NC State U ถูกเรียกว่าเป็นสามเหลี่ยมแห่งการวิจัย (Research Triangle) เพราะพื้นที่นี้มีสามารถผลิตดุษฎีบัณฑิตมากที่สุดต่อพื้นที่ 1 ตารางไมล์ ทำให้หลายๆบริษัทชั้นนำเข้ามาตั้งศูนย์วิจัยในพื้นที่แทบนี้กันมาก และด้วยเหตุที่พื้นที่มีคนมีการศึกษาอยู่อาศัยกันมาก ก็คงจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้คนที่นี้มีอัธยาศัยไมตรีดีงาม

แต่ข้อเสียอย่างเดียวที่ผมพบอยู่ตอนนี้ก็คือ ถ้าอยู่เมืองนี้แล้วไม่มีรถก็จะมีชีวิตอยู่ลำบากมาก ถึงแม้จะมีรถเมล์บริการฟรี แต่ก็ไม่สะดวกทันใจและรถเมล์ก็ไปไม่ได้ทุกที่

พูดชมมหาวิทยาลัยมามาก แต่คณะของผมนั้นกลับไม่ได้สร้างความประทับใจให้ผมเหมือนกับที่ผมหวังไว้ ทางวิชาการยังไม่ค่อยรู้มาก เพราะต้องลองเรียนดูก่อน แต่ที่แน่ๆคือสภาพบรรยากาศในคณะไม่ค่อยจะน่าประทับใจ ไม่ใช่ผู้คนไม่เป็นมิตร แต่สภาพภายในอาคารจะดูเก่าๆ ลิฟท์ก็ยังเป็นแบบใช้มือเลื่อนเปิดปิดประตูเอง office ของนักศึกษาก็ดูรกๆ หนังสือหนังหาวางเรียงกันไม่เป็นระเบียบ ไม่รู้เหมือนกันว่าคณะเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยอื่นๆจะมีสภาพเป็นยังไง แต่อย่างไรก็ตามความสำเร็จในการเรียนส่วนใหญ่ก็คงขึ้นอยู่กับตัวนักเรียนนั่นเอง

แค่นี้ก่อนดีกว่าครับ

8 Comments:

At 5:34 PM, Blogger Steelers(钢人) said...

ถ้าจะเปรียบเทียบสภาพคณะเศรษฐศาสตร์ที่นี่กับที่ม.โอซาก้าแล้ว ของที่โอซาก้าดีกว่ามากพอสมควรครับ คุณkazaคงรู้ดีว่าสภาพที่โอซาก้าเป็นอย่างไร แต่ถ้าเปรียบเทียบทางวิชาการแล้ว ต้องขอลองเรียนดูก่อน

 
At 12:48 AM, Anonymous Anonymous said...

Hi,
hope the transition from an Asian oriented education environment to a western styled one runs smoothly.
Keep up the blog, I visit from time to time but don't often leave any comments. If I have one, I'll be sure to do so.
znztivguy

 
At 6:30 AM, Anonymous Anonymous said...

ฮื่อ.. ได้อ่านแล้วอยากไปเรียนมั่งจัง แต่คงไม่มีโอกาสได้ไป ท่านพ่อหวงและห่วงมากเลย

 
At 7:19 AM, Blogger David Ginola said...

ก็ดีนะครับที่ผู้คนในเมืองน่ารัก ผมว่าอยู่เมืองเล็กๆก็มีข้อดีตรงนี้แหละครับ เหมือนตอนผมอยู่ davis คนจะน่ารักกว่าใน LA

อ้อ ถ้าพี่ settle down เรียบร้อยแล้ว อยากจะเขียนอะไรส่งมาลง echo ก็จะดีมากเลยนะครับ (echonomist@yahoo.com) เล่มหน้าออกเดือนตุลาครับ

ไหนๆ ก็พูดถึง echo แล้ว ขอใช้พื้นที่บล็อกพี่โฆษณาสักนิดนะครับ อยากให้เพื่อนๆพี่ที่ญี่ปุ่นได้รู้จัก echo บ้าง

ECHO เป็นวารสารที่นักศึกษาบีอีกลุ่มหนึ่งที่สนใจติดตามประเด็นทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง เริ่มทำขึ้น (เดิมชื่อว่า be Political Economy ออกไปได้ 5 เล่มก็เปลี่ยนชื่อเป็น ECHO)

วารสารนี้พวกเรานศ.ทำกันเองแทบทั้งหมด เขียนเอง ทำartwork เองทุกอย่าง ออกทุกๆสามเดือน ECHO ออกมาแล้วสามเล่ม

ECHO เป็นวารสารที่เปิดกว้างให้นักศึกษาได้แสดงความคิด แสดงมุมมองต่อเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวกับสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม ผ่านการเขียนบทความหรืองานเขียนประเภทอื่นๆ

ตัวอย่างนักเขียนก็เช่นพี่ steelers นี้แหละครับ เขียนลง be Poitical Economy และ ECHO มาหลายบทความแล้ว

อยากจะเชิญชวนพี่ๆที่ชอบคิดชอบเขียนส่งงานเขียนมาลงใน ECHO ไม่จำกัดว่าพี่จะอยู่ที่ไหน เรียนด้านใดนะครับ เพราะผมอยากเห็น ECHO มีเนื้อหาครอบคลุมในทุกๆด้าน ไม่ใช่เฉพาะด้านเศรษฐกิจเป็นหลักด้านเดียว

ถ้าพี่ๆคนไหนสนใจก็ส่งงานเขียนมาได้ที่ echonomist@yahoo.com นะครับ ฉบับหน้าออกเดือนตุลาฯ อยากให้ส่งภายในวันที่ 5 ก.ย. ครับ แต่ถ้าไม่ทัน ส่งทีหลังก็ได้ครับ เก็บไว้ลงฉบับถัดไปได้

ขอบคุณพี่ steelers ที่ให้พื้นที่โฆษณาครับ (แฮ่ๆ คือผมอยากขยายฐานคนเขียนให้มากขึ้น) หวังว่าคงไม่ว่ากันนะครับ

 
At 6:49 PM, Blogger Steelers(钢人) said...

ไม่ว่าแน่นอนครับ อยากให้นิตยสารพัฒนาก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไปเหมือนกัน มีน้องเดวิดมาทำ คิดว่าคงไปได้ดีแน่ๆ พี่ก็จะหาเวลาเขียนนะ ไม่รู้จะมีเวลาหรือเปล่า

 
At 2:06 AM, Anonymous Anonymous said...

ว่าจะถามอยู่นานแล้วเหมือนกัน เป็นไงมั่งกับ TG เส้นทางใหม่ เครื่องเจ๋งอย่างที่เค้าว่ากันหรือเปล่า แล้วนั่ง 17 ชั่วโมงรู้สึกยังไงมั่ง

เรื่องอื่น ไว้ค่อยโทรคุยกันแล้วกันนะ วันนี้เพิ่งสอบเสร็จพอดี

 
At 9:51 PM, Blogger Steelers(钢人) said...

เจ๋งเหมือนที่เขาว่านั่นแหละ รู้สึกว่าแป๊ปเดียวบินมาถึงนิวยอร์คแล้ว เพราะinflight entertainment มีอะไรให้ทำเยอะมากมาก

 
At 3:15 AM, Anonymous Anonymous said...

^____^

มาเป็นลูกทัวร์ให้คุณ Steelers พาชมเมืองและมหาวิทยาลัยค่ะ

 

Post a Comment

<< Home