ในที่สุดการเดินทางอันยาวนานจากกรุงเทพโดยสายการบินไทยเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯมาถึงนิวยอร์คและต่อ US Airways มาถึงเมือง Charlotte มาเจอคุณป้าผม และสุดท้ายเราก็ขับรถเกือบ 3 ชม.ขนของพะรุงพะรังมายังเมืองเงียบสงบแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า Chapel Hill ก็สิ้นสุดลง
แวบแรกที่เมือง Chapel Hill นั้นผมรู้สึกว่าเมืองนี้เป็นเมืองเงียบสงบโดยแท้ สองข้างทางที่ผมขับรถผ่านมานั้นมีแค่หมู่บ้านจัดสรรหรืออพาร์ทเมนต์ที่ปลูกอยู่กันห่างๆ
ไฮไลต์ของเมืองChapel Hill นั้นจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากมหาวิทยาลัย North Carolina at Chapel Hill ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแห่งรัฐของสหรัฐอเมริกาแห่งเดียวที่ประศาสน์ปริญญาในช่วงเวลาศตวรรษที่ 18 เพราะเป็นมหาวิทยาลัยรัฐแห่งแรกที่ถูกก่อตั้งขึ้น คือเมื่อปี 1789
นอกจากนี้มหาวิทยาลัยนี้ยังมีชื่อเสียงในด้านความสวยงามของตัวมหาวิทยาลัย โดยถูกเลือกจาก American Society of Landscape Architects ให้เป็น the most beautifully landscaped spots ของประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 1999 แต่ผมดวงไม่ดีเพราะว่าช่วงที่ผมมาถึงที่นี่เป็นช่วงที่กำลังมีการซ่อมแซมปรับปรุงอาคารหลายอาคารทำให้ทัศนียภาพไม่สู้จะดีนัก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังซ่อมเสร็จแล้วจะสวยเหมือนกับเสียงลือเสียงเล่าอ้างหรือเปล่า
ไม่ใช่แค่ความสวยงามอย่างเดียว แต่ UNC ก็ยังมีชื่อเสียงทางด้านวิชาการด้วย ถึงแม้จะไม่สามารถสู้มหาวิทยาลัยเอกชนยักษ์ใหญ่หลายแห่งในสหรัฐอเมริกาได้ (#29 best national university)ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเพราะมหาวิทยาลัยของรัฐในสหรัฐอเมริกานั้นยากที่จะสู้มหาวิทยาลัยเอกชนได้ ซึ่งตรงกันข้ามกับเมืองไทยพอสมควร แต่ UNC ก็ถูกจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่ดีที่สุดอันดับ 5 ของสหรัฐอเมริกา รองจาก UC Berkeley, U of Michigan-Ann Arbor, U of Virginia, และ UCLA อยู่เหนือมหาวิทยาลัยของรัฐหลายๆแห่งเช่น U Wisconsin-Madison, UCSD, UIUC, UT-Austin, UW, U 0f Maryland- College Park, และ U of Minnesota-Twin Cities และถึงแม้ว่าการจัดอันดับเหล่านี้จะเชื่อถือได้หรือไม่ แต่ผมก็ขอเชื่อไปซักพักก่อนก็แล้วกันครับ และนอกจากนี้ในความเห็นของผม คณะที่ทำชื่อเสียงให้ UNC มากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นคณะทางสาธารณสุขศาสตร์และ Kenan-Flagler Business School
หลังจากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้ซักพัก ผมก็สังเกตเห็นได้ว่าผู้คนและนักศึกษาที่นี่เห่อมหาวิทยาลัยนี้มากๆ ผมมองไปทางไหนก็เห็นแต่คนใส่เสื้อสีฟ้าซึ่งเป็นสีประจำมหาวิทยาลัย และยิ่งทีมบาสเก็ตบอล UNC Tar Heels ชนะเลิศบาสเก็ตบอลระดับมหาวิทยาลัยของสหรัฐอเมริกา ก็ยิ่งทำให้กระแสบ้าเห่อนี้แรงยิ่งขึ้นไปอีก และพลอยทำให้ผมเห่อไปกับเขาด้วยเหมือนกัน
สิ่งที่ผมประทับใจมากอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ก็คือผู้คนที่นี้ nice มากๆ (ขอโทษที่ใช้ภาษาอังกฤษแต่ผมไม่รู้จะใช้คำไทยคำไหนมาอธิบายคำว่า niceได้ เพราะความหมายมันค่อนข้างกว้าง) สาเหตุก็คงจะเป็นเพราะว่าเมืองนี้เป็นเมืองเงียบสงบ สวยงาม ปลอดภัย และเป็นเมืองการศึกษา ซึ่งนอกจากสามารถดึงดูดนักเรียนนักศึกษาจากทั่วโลกมาเรียน ยังสามารถดึงดูดคนเกษียณอายุใช้มาใช้ชีวิตหลังเกษียณที่เมืองนี้ได้มาก ทำให้เมืองนี้ปราศจากการแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรง และผู้สูงอายุเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็จะเข้าร่วมกิจกรรมและสัมมนาต่างๆกับทางมหาวิทยาลัยซึ่งสามารถทำประโยชน์ให้กับมหาวิทยาลัยได้มากทั้งทางวิชาการและการสันทนาการ และเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับชุมชนอีกด้วย
นอกจากนี้ พื้นที่ระหว่าง UNC Duke และ NC State U ถูกเรียกว่าเป็นสามเหลี่ยมแห่งการวิจัย (Research Triangle) เพราะพื้นที่นี้มีสามารถผลิตดุษฎีบัณฑิตมากที่สุดต่อพื้นที่ 1 ตารางไมล์ ทำให้หลายๆบริษัทชั้นนำเข้ามาตั้งศูนย์วิจัยในพื้นที่แทบนี้กันมาก และด้วยเหตุที่พื้นที่มีคนมีการศึกษาอยู่อาศัยกันมาก ก็คงจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้คนที่นี้มีอัธยาศัยไมตรีดีงาม
แต่ข้อเสียอย่างเดียวที่ผมพบอยู่ตอนนี้ก็คือ ถ้าอยู่เมืองนี้แล้วไม่มีรถก็จะมีชีวิตอยู่ลำบากมาก ถึงแม้จะมีรถเมล์บริการฟรี แต่ก็ไม่สะดวกทันใจและรถเมล์ก็ไปไม่ได้ทุกที่
พูดชมมหาวิทยาลัยมามาก แต่คณะของผมนั้นกลับไม่ได้สร้างความประทับใจให้ผมเหมือนกับที่ผมหวังไว้ ทางวิชาการยังไม่ค่อยรู้มาก เพราะต้องลองเรียนดูก่อน แต่ที่แน่ๆคือสภาพบรรยากาศในคณะไม่ค่อยจะน่าประทับใจ ไม่ใช่ผู้คนไม่เป็นมิตร แต่สภาพภายในอาคารจะดูเก่าๆ ลิฟท์ก็ยังเป็นแบบใช้มือเลื่อนเปิดปิดประตูเอง office ของนักศึกษาก็ดูรกๆ หนังสือหนังหาวางเรียงกันไม่เป็นระเบียบ ไม่รู้เหมือนกันว่าคณะเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยอื่นๆจะมีสภาพเป็นยังไง แต่อย่างไรก็ตามความสำเร็จในการเรียนส่วนใหญ่ก็คงขึ้นอยู่กับตัวนักเรียนนั่นเอง
แค่นี้ก่อนดีกว่าครับ